คนเกิดปีมะแม-แพะ (ตำราพรหมชาติ)
สิทธิการิยะฯ ท่านโหราจารย์อดีตกาลกล่าวต่อกันมาว่า ชาย-หญิงใดเกิดปีมะแม ธาตุทอง ชันษาเป็นเทวดาผู้หญิง มิ่งขวัญสิงอยู่ต้นไม้ทองหลาง (ปาริชาติ) และต้นไผ่
ลักษณะการทำนาย ผู้เกิดปีมะแม สิริตกอยู่ที่มือซ้ายของพรหมอาทิตย์เป็นปากเป็นคนพูดจาแข็งกระด้างฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูใคร ๆ คำมี่พูดไปมักจะเกิดความโง่เขลาเบาปัญญาหาสาระไม่
อังคารเป็นใจ ใครรู้ใจจะออกปากรบกวนใช้ จะเป็นคนรับอาสาทำจนตัวตายเลยทีเดียว เป็นคนที่เชื่อคนง่าย เป็นชายมักหลงเสน่ห์กับเพศตรงข้าม เชื่อในคำพูดของผู้หญิง เป็นหญิงชอบชายที่เอาใจเก่ง ไปทิศใดมักมีทั้งศัตรูและมิตรสหาย
ศุกร์เป็นที่นั่ง เป็นคนที่คิดเรื่องความสนุกสนานในความรัก เก็บทรัพย์ไว้ไม่อยู่มีเท่าไรมักใช้จนหมด เชื่อเรื่องโชคลางของขลังเวทมนต์ เป็นชายที่มีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม ถ้าเป็นหญิงมักหลงเชื่อชายที่เอาใจเก่ง แต่จะไม่สำเร็จในการครองเรือน
จันทร์กับพุธเป็นมือ ทำกิจการหรืองานสิ่งใดทำได้แทบทุกชนิด แต่มักไม่ประสบความสำเร็จ แต่มีความอดทนมาก สติปัญญามักสู้ผู้อื่นไม่ค่อยได้ แต่ถ้าแข่งทางความมานะความอดทนความพยายามแล้วเป็นเลิศ
พฤหัสบดีกับเสาร์เป็นเท้า มักเป็นคนชอบเดินทางไกล ๆ ชอบท่องเที่ยว ติดต่อธุรกิจการค้าถ้าเป็นนักเรียน นักประพันธ์ จำมีสำนวนที่ทำให้คนอ่านชื่นชอบ มีชื่อเสียงรวดเร็ว
ผู้เกิดปีมะแม ถ้าเกิดเวลากลางวันไม่สู้ดี เพราะจะลำบากเหน็ดเหนื่อยทั้งร่างการและจิตใจ หากเกดเวลากลางคืนดี จะมีความสุขเกี่ยวกับที่พักอาศัยมีคนอุปถัมภ์ ชายจะได้ภรรยาดี เป็นหญิงจะไม่ประสบความสำเร็จในการครองเรือน
ท่านผู้เกิดปีนี้ จะคิดทำสิ่งใดหรือไปอยู่ทิศใด ๆ ควรรดน้ำพรวนดินโคนต้นทองหลาง หรือต้นไผ่จึงจะเพิ่มสิริมงคลตัวเองกับครอบครัว
ที่เกิดปีนี้ จุธาตุเจ้าสุเทพ ลงด้วยธาตุดิน แต่เก๊าหัวตี่ก่อนนั้นได้อาศรัยอยู่ตี่ต้นไม้กว๋าวอันมีหมาเฝ้าอยู่รักษา ได้ฟู่อู้จ๋ากั๋นว่าดูราเรานี้จักมาอยู่ร่วมกั๋นตี่นี้บ่ห่อนกวรแต๊และ เยียวว่าเปียธิจักมาบีบเบียนเมื่อปายหน้าจะและ เหตุนั้นเรากวรจักไปเอากำเนิดตี่คนตังหลายปุ้นและหลอนว่าปายลูนมานั้นมีภัยยะมาบังเกิดแก่เราแล้วก็จักหาเอายังเครื่องปู๋จาตังหลายมาปู๋จาเอาและ หื้อสูเจ้ารับเอาไปเต๊อะ กันว่าสันนั้นแล้วก็ปากั๋นไปเอากำเนิดในต๊องคัพภะมารดาแห่งต๋น และจิ่งได้เกิดมาเป๋นคนญิงจายตังหลายนี้แลฯ
หื้อได้ไหว้พระธาตุเจ้าสุเทพว่า
" สุวรรณะเจติยัง เกสะวรมัตถลุงคัง วรัญญธาตุง วรฐาเน สุเทเว สัพพปูชิตัง นรเทเวหิ อหัง วันทามิ ธาตุโยฯ "